รู้ก่อนสร้าง! คลังสินค้าธุรกิจแบบนี้ เลือกใช้เมทัลชีทแบบไหนถึงจะเวิร์ก
- Sangthai Metalsheet

- 19 ก.ค.
- ยาว 1 นาที
อัปเดตเมื่อ 15 ก.ย.

ในยุคที่ธุรกิจต้องการความคล่องตัวและต้นทุนที่คุ้มค่า การสร้าง “คลังสินค้า” ที่ตอบโจทย์จึงไม่ใช่เรื่องเล็ก โดยเฉพาะในช่วงเริ่มต้นที่ต้องตัดสินใจเลือกวัสดุก่อสร้างต่าง ๆ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการใช้งานระยะยาว
หนึ่งในวัสดุยอดฮิตที่เจ้าของกิจการมักเลือกใช้ก็คือ เมทัลชีท เพราะมีคุณสมบัติเหมาะกับโรงเก็บสินค้าหลากหลายประเภท แต่รู้หรือไม่ว่าเมทัลชีทมีหลายแบบ และไม่ใช่ทุกแบบจะเหมาะกับคลังเก็บสินค้าทุกประเภท
บทความนี้ แสงไทยเมทัลชีท จึงได้รวบรวมข้อมูลดี ๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับ รู้ก่อนสร้าง! คลังเก็บสินค้าธุรกิจแบบนี้ เลือกใช้เมทัลชีทแบบไหนถึงจะเวิร์ก มาฝากกัน
เมทัลชีทคืออะไร? ทำไมถึงนิยมใช้กับคลังสินค้า

เมทัลชีท (Metal Sheet) คือแผ่นเหล็กรีดลอนที่ผ่านกระบวนการเคลือบกันสนิม เช่น อะลูมิเนียมผสมสังกะสี หรือซิงก์ (Zinc) ที่ช่วยป้องกันการเกิดสนิม เพิ่มความทนทานและยืดอายุการใช้งานได้อย่างยาวนาน
โดยปัจจุบันแผ่นเมทัลชีทได้มีการพัฒนาให้เหมาะสมกับการใช้งานที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น แบบชั้นเดียว, แบบเคลือบสี, หรือแบบแซนวิชพียูโฟมที่ช่วยเพิ่มคุณสมบัติการกันความร้อนและเสียงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
คุณสมบัติเด่นของเมทัลชีทที่ตอบโจทย์คลังสินค้า
น้ำหนักเบา ลดภาระโครงสร้างอาคาร ทำให้ติดตั้งได้รวดเร็ว และประหยัดต้นทุนด้านแรงงาน
ทนทานต่อสภาพอากาศ เช่น ฝนตก แดดแรง หรือไอทะเล โดยไม่เป็นสนิมง่าย
รับแรงกระแทกได้ดี ลดความเสียหายจากวัตถุตกกระทบในพื้นที่ใช้งานหนัก
ต้นทุนคุ้มค่า มีอายุการใช้งานยาวนาน แต่ต้นทุนต่ำกว่าวัสดุอื่นอย่างคอนกรีตหรือกระเบื้อง
หลากหลายรูปแบบ เลือกได้ทั้งลอนหลังคา, แผ่นผนัง, แผ่นโปร่งแสง และแผ่นกันความร้อนตามความต้องการ
ดีไซน์สวยงาม มีสีและลอนให้เลือกหลากหลาย ช่วยเพิ่มความทันสมัยให้ตัวอาคาร
ด้วยเหตุนี้ เมทัลชีทจึงกลายเป็นวัสดุอันดับต้น ๆ ที่นิยมใช้ในคลังเก็บสินค้า และโรงงานในหลายขนาด เพราะสามารถตอบโจทย์การใช้งานหนัก และยังช่วยลดต้นทุนทั้งในระยะสั้นและระยะยาวได้อย่างชัดเจน
3 ประเภทของคลังสินค้า เข้าใจให้ชัด ก่อนเลือกเมทัลชีท
ถึงแม้ว่าคลังสินค้าหลายแห่งจะมีโครงสร้างที่คล้ายกันในหลากหลายรูปแบบ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ลักษณะการใช้งาน และ การจัดเก็บประเภทสินค้าที่จัดเก็บนั้น มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน
ดังนั้น การเลือกเมทัลชีทให้เหมาะกับคลังแต่ละประเภทจึงเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญ ที่จะทำให้การลงทุนคุ้มค่า และใช้งานได้จริงในระยะยาว เช่น
1. คลังเก็บสินค้าทั่วไป

มักใช้ในธุรกิจค้าส่งหรือ SME ที่ต้องการเก็บสินค้าทั่วไป เช่น อุปกรณ์ เครื่องใช้ ของแห้ง หรือสินค้าที่ไม่ไวต่ออุณหภูมิ ความชื้น หรือแสงแดด
ลักษณะเด่น: เน้นพื้นที่ใช้งานกว้าง ราคาคุ้มทุน และใช้งานสะดวก
คำแนะนำ
ควรใช้เมทัลชีทเคลือบสีธรรมดา หรือ อลูซิงก์ที่มีการรับรองตามมาตรฐาน ซึ่งจะช่วยให้อาคารมีการใช้งานที่คุ้มค่า คุ้มราคา และรองรับการใช้งานได้ดีในระยะยาว
2. คลังสินค้าควบคุมอุณหภูมิ

เหมาะสำหรับอุตสาหกรรมอาหารสด แช่แข็ง เวชภัณฑ์ หรือเครื่องมือการแพทย์ ที่ต้องการอุณหภูมิคงที่ตลอด 24 ชั่วโมง
ลักษณะเด่น: ต้องการวัสดุที่ป้องกันความร้อน และ รักษาอุณหภูมิความเย็นในอาคารได้ดี
คำแนะนำ
ควรเลือกเมทัลชีทแบบพ่น PU Foam หรือ ฉนวนแซนวิช เพราะมีคุณสมบัติเป็นฉนวนกันความร้อน เพิ่มความเย็น ซึ่งมีส่วนช่วยลดการทำงานของระบบปรับอากาศ และประหยัดพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. คลังสินค้าขนาดใหญ่ หรือ โรงงานอุตสาหกรรม

สำหรับคลังสินค้าประเภทนี้ มักมีพื้นที่ครอบคลุมหลายพันตารางเมตร และต้องรองรับการใช้งานหนัก เช่น รถยกขนถ่ายสินค้า, เครื่องจักร, และคนงานจำนวนมาก เป็นต้น
ลักษณะเด่น: ต้องการการระบายอากาศที่ดี, ลดความร้อนสะสมในอาคาร และมีแสงธรรมชาติเข้ามาเพื่อลดค่าไฟ
คำแนะนำ
ควรเลือกเมทัลชีทพียูโฟม ที่ติดตั้งร่วมกับ แผ่นโปร่งแสง (Skylight Sheet) หรือ พัดลมระบายอากาศ (Ventilation Fan) เพื่อเสริมให้คลังเย็นสบายและสว่างทั่วถึง
ตัวอย่างคลังสินค้าที่เลือกใช้เมทัลชีทอย่างเหมาะสม
1. คลังสินค้ากลุ่มอีคอมเมิร์ซ และ โลจิสติกส์
บริษัทด้านขนส่งและศูนย์กระจายสินค้า มักมีการขนถ่ายสินค้าเข้าออกตลอดทั้งวัน จึงต้องการหลังคาที่มีความแข็งแรงและสามารถควบคุมอุณหภูมิได้ดี
เช่น ใช้เมทัลชีทแบบพ่น PU Foam พร้อมติดตั้งพัดลมระบายอากาศและแผ่นโปร่งแสง เพื่อช่วยประหยัดพลังงานและเพิ่มความสว่างภายในคลัง
2. คลังเก็บสินค้าเก็บอาหารและเวชภัณฑ์
ธุรกิจกลุ่มนี้ต้องการระบบควบคุมอุณหภูมิที่แม่นยำ เมทัลชีทที่ใช้จึงต้องมีการบุฉนวนกันร้อน PU และ PE เพิ่มเติม พร้อมซีลรอยต่อแน่นหนา
เพื่อป้องกันความร้อนเข้าและรักษาความเย็นไว้ได้ยาวนาน อีกทั้งยังมีส่วนลดการทำงานของระบบทำความเย็นลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. คลังเก็บสินค้าสำหรับธุรกิจ SME
คลังสินค้าขนาดเล็กที่ต้องการต้นทุนที่เหมาะสม มักเลือกใช้เมทัลชีทเคลือบสีมาตรฐาน โดยอาจเสริมฉนวนบางจุดตามความจำเป็น ตอบโจทย์เรื่องต้นทุนและใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน
4 คุณสมบัติเมทัลชีทที่ต้องมี หากต้องการสร้าง “คลังสินค้า” ให้กับธุรกิจ

การเลือกเมทัลชีทที่ดีไม่ใช่แค่เรื่อง "ความสวยงาม" หรือ "ราคาถูก" แต่ควรตอบโจทย์ต่อการใช้งานในระยะยาว โดยเฉพาะในบริบทของคลังเก็บสินค้าซึ่งเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ เช่น
1. กันความร้อนได้ดี
ประเทศไทยมีสภาพอากาศร้อนชื้น การเลือกเมทัลชีทที่มีฉนวนกันความร้อน เช่น PU Foam หรือ PE Foam ช่วยลดการสะสมความร้อนในคลัง ทำให้ประหยัดพลังงานในการเปิดแอร์หรือเครื่องปรับอากาศ
2. ทนต่อแรงลม และฝน
หลังคาคลังสินค้าต้องเผชิญกับแรงลม ฝนฟ้าคะนอง และฝุ่นละอองตลอดปี จึงควรใช้เมทัลชีทที่มีความหนาไม่น้อยกว่า 0.35 มม. พร้อมระบบยึดแผ่นที่แน่นหนา เพื่อป้องกันการปลิวหรือรั่วซึม
3. ลดเสียงรบกวนจากภายนอก
โดยเฉพาะคลังสินค้าที่อยู่ใกล้ย่านชุมชนหรือสำนักงาน เสียงฝนกระทบหลังคาสังกะสีธรรมดาอาจสร้างความรำคาญได้ การเลือกเมทัลชีทที่มีชั้นฉนวนโฟมช่วยดูดซับเสียง ทำให้อาคารเงียบขึ้น
4. อายุการใช้งานยาวนาน
เมทัลชีทที่ดีควรมีการเคลือบสารป้องกันสนิม เช่น AZ150 หรือ Zincalume เพื่อยืดอายุใช้งานให้นาน 20–30 ปี รวมถึงหากบางรุ่นมีการผลิตได้ตรงตามมาตรฐานในหลายประเทศ ก็จะช่วยลดการดูแลบำรุงรักษา และค่าใช้จ่ายระยะยาว
หากเลือกเมทัลชีทผิดประเภท จะเกิดอะไรขึ้นกับคลังสินค้า

ปัจจุบันหลายธุรกิจอาจพยายามลดต้นทุนด้วยการเลือกใช้เมทัลชีทราคาถูก หรือแบบที่ไม่ได้ออกแบบมาสำหรับลักษณะการใช้งานของคลังสินค้าประเภทนั้น ๆ
ซึ่งผลลัพธ์ที่ตามมาอาจกลายเป็นต้นทุนแฝงที่สูงกว่าที่คาดคิดในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็น ด้านความปลอดภัย การบำรุงรักษา หรือแม้แต่ภาพลักษณ์ขององค์กร เช่น
เมทัลชีทรั่วซึมเพราะติดตั้งผิดลอนหรือวัสดุไม่รองรับแรงลม
เก็บความร้อนไว้มาก ทำให้ต้องเปิดแอร์แรง เสียค่าไฟสูง
เกิดสนิมจุด สีซีดเร็ว ทำให้อาคารดูเก่าเร็วขึ้น ภาพลักษณ์ดูไม่ดี
เมทัลชีทเสียงดังเวลาโดนฝน จากความหนาที่ไม่ได้มาตรฐาน ทำให้พนักงานทำงานลำบาก
ดังนั้น การเลือกเมทัลชีทให้ถูกต้องตั้งแต่แรกจึงไม่ใช่เรื่องที่ควรมองข้าม เพราะไม่เพียงแค่ช่วยประหยัดงบประมาณในระยะยาว แต่ยังช่วยเสริมความน่าเชื่อถือ ความปลอดภัย และความยั่งยืนของธุรกิจในระยะยาวอีกด้วย
คำถามพบบ่อย เกี่ยวกับ คลังสินค้า
Q: ถ้าเลือกเมทัลชีทราคาถูกสร้าง "คลังสินค้า" จะมีปัญหาอะไรตามมาบ้าง?
A: การเลือกเมทัลชีทราคาถูก หรือ ไม่ได้มาตรฐานอาจก่อให้เกิดปัญหาตามมามากมาย เช่น ปัญหาการรั่วซึม, ความทนทานต่ำ, เสียงดัง และต้นทุนแฝงที่อาจตามมาด้วยค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาและค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้นในภายหลัง
Q: คลังสินค้าชั่วคราว ควรเลือกวัสดุแบบไหนดี?
A: การสร้างคลังสินค้าชั่วคราว ควรเลือกวัสดุที่เน้นความรวดเร็วในการติดตั้งและรื้อถอน รวมถึงต้นทุนที่คุ้มค่า เช่น ST-ECO มาตรฐานเมทัลชีท ที่เหมาะกับงานชั่วคราว
Q: คลังสินค้า เมทัลชีทมีค่าใช้จ่ายสูงไหม?
A: โดยทั่วไปแล้ว การสร้างคลังสินค้าด้วยเมทัลชีท มักจะมีค่าใช้จ่ายที่ ต่ำกว่า การสร้างด้วยวัสดุอื่น ๆ อย่างคอนกรีตเสริมเหล็กหรืออิฐบล็อกอย่างชัดเจน ทำให้เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับธุรกิจที่ต้องการประหยัดงบประมาณและเวลาในการก่อสร้าง
ตอบโจทย์ทุก “คลังสินค้า” ด้วยเมทัลชีทคุณภาพจากแสงไทย

แสงไทยเมทัลชีท หนึ่งในผู้นำด้านเมทัลชีทของไทยที่เน้นคุณภาพ และ ความคุ้มค่าเป็นอันดับหนึ่ง โดยเฉพาะในเรื่องของการออกแบบอาคารตั้งแต่ขนาดเล็ก ไปจนถึงขนาดใหญ่ที่เรามีการคัดสรรวัตถุดิบคุณภาพดี เพื่อให้ตอบโจทย์แก่การใช้งานทุกประเภท
สินค้าของเราผ่านมาตรฐานมอก. ของไทย เช่น มอก.2753/2559 และ มอก.2228/2565
แผ่นเหล็กเมทัลชีท มีการทดสอบ และผ่านตามเกณฑ์มาตรฐานในหลายประเทศ ได้แก่ มาตรฐานสากลอเมริกา (ASTM), มาตรฐานสากลญี่ปุ่น (JIS), มาตรฐานสากลออสเตรเลีย (AS), มาตรฐานสากลเยอรมัน (DIN) และ มาตรฐานสากลยุโรป (EN)
เรามีเกรดหลังคาเมทัลชีทให้เลือกหลากหลาย ได้แก่ ST-PREMIUM รับจบงานทั้งภายในภายนอก, ST-STANDARD ดีไซน์ทนทานมาตรฐานคุณภาพ และ ST-ECO เหมาะกับโครงสร้างที่เน้นใช้งาน ราคาคุ้มค่า
สีสันหลากหลาย รวมถึงลายไม้พิเศษ ที่ช่วยเพิ่มความเป็นเอกลักษณ์ให้กับอาการได้อย่างลงตัว
การรับประกันสินค้า ในเรื่องของการกัดกร่อน และสีซีดจาง ตามเงื่อนไขของเกรดเหล็กแต่ละรุ่น เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับเจ้าของบ้านในระยะยาวสูงสุดถึง 35 ปี
หากคุณกำลังมองหาเมทัลชีทที่สวย ทน สีไม่ซีดง่าย อย่าลืมเลือกเมทัลชีทจากแสงไทย เพราะบ้านที่ดี เริ่มต้นจากหลังคาที่มั่นใจได้
สรุป
การสร้าง คลังสินค้า ให้คุ้มค่าต้องเริ่มจากการเลือกเมทัลชีทที่เหมาะกับลักษณะการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น คลังทั่วไป คลังแช่เย็น หรือคลังอุตสาหกรรม เป็นต้น
เพราะเมทัลชีทแต่ละแบบมีคุณสมบัติการใช้งานที่แตกต่างกัน ทั้งในด้านความแข็งแรงทนทาน การกันความร้อน กันเสียง และอายุการใช้งาน
ดังนั้น การเลือกประเภทของเมทัลชีทในการสร้างคลังเก็บสินค้า ได้อย่างตรงจุด จะช่วยลดต้นทุนในระยะยาว และตอบโจทย์ต่อการใช้งานของอาคารได้อย่างแท้จริง
ที่มา
Metal Roofing Dimensions & Corrugated Sheet Sizes จาก Cladco
Polyurethane (PU) for Cold Storage Warehouse จาก ASCE Library
หากคุณอ่านคอนเทนต์ “รู้ก่อนสร้าง! คลังสินค้าธุรกิจแบบนี้ เลือกใช้เมทัลชีทแบบไหนถึงจะเวิร์ก” แล้วรู้สึกชอบคอนเทนต์ของเราอย่าลืมกดติดตามคอนเทนต์ของเราดี ๆ ได้ที่
Facebook : Sangthai Metalsheet
สุดท้าย หากคุณกำลังมองหาเมทัลชีทพียูโฟมเพื่อต่อเติมโรงงาน หรือ พัฒนาโปรเจกต์ต่าง ๆ เกี่ยวกับการสร้างอาคารด้วยเมทัลชีท
LINE: @sangthaigroup หรือ https://lin.ee/wF4jScw
Call Center: 02-0249297
Website แสงไทยเมทัลชีท: https://www.sangthaimetalsheet.com
ดูสินค้าเมทัลชีท (Metalsheet) ทั้งหมด : https://www.sangthaimetalsheet.com/product






ความคิดเห็น